Shipify academy

ทุกวันนี้สินค้าแบบเดียวกันมีคนนำเข้ามาขายเหมือนกันมากมาย วิธีที่จะทำให้ร้านค้าของคุณโดดเด่นกว่าร้านอื่นๆ เป็นที่จดจำของลูกค้า สิ่งที่ต้องทำคือการสร้าง ‘แบรนด์’

 

แบรนด์คืออะไร?

 

แบรนด์ไม่ใช่แค่ชื่อร้านหรือโลโก้ แต่คือการสร้างเรื่องราว การประชาสัมพันธ์ การทำโฆษณาต่างๆ เพื่อให้สินค้าของคุณเข้าไปอยู่ในใจของลูกค้า จนแปรออกมาเป็นยอดขาย พื้นฐานสำคัญที่จะขาดไม่ได้ในการสร้างแบรนด์คือการสร้างตัวตนที่ชัดเจนให้ลูกค้าสามารถจดจำคุณได้ สมมติคุณจะนำเข้ากระเป๋ามาขาย คู่แข่งคุณมีเต็มไปหมดในตลาด คุณจะทำยังไงให้ตัวเองโดดเด่นออกมาจากร้านอื่น ก็ต้องสร้างภาพจำของร้านให้ชัดเจน ภาพจำที่ว่าเริ่มจากตั้งแต่ ป้ายติดสินค้า บรรจุภัณฑ์ อาร์ตเวิร์คโปรโมทต่างๆ หน้าตาร้านค้า ไปจนถึงวิธีการใช้คำพูดในการสื่อสารพูดคุยกับลูกค้า สิ่งต่างๆ นี้ เราสร้างมันขึ้นมาภายใต้กรอบที่ชื่อว่า Coporate Identity (CI) หรืออัตลักษณ์องค์กร พูดง่ายๆ คือการสร้างคู่มือการออกแบบทั้งหมดของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น สี ฟอนต์ โลโก้ วิธีการวางอาร์ตเวิร์คต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ของคุณได้นั่นเองค่ะ

 

สร้าง CI ต้องมีอะไรบ้าง?

 

มาดูขั้นตอนการสร้าง CI แบบ Step by Step กันค่ะ

 

01 โลโก้

 

โลโก้คือสิ่งแรกที่จะสื่อสารกับลูกค้าให้รู้ว่า Brand Concept ของคุณคืออะไร โลโก้ที่ดีคือโลโก้ที่คนจดจำได้ตั้งแต่วูบแรกที่เห็น องค์ประกอบของโลโก้จึงไม่ควรใส่ดีเทลมากเกินไปเพื่อให้ง่ายแก่การจดจำ และจะดีมากถ้าโลโก้สามารถสื่อสารได้ว่าแบรนด์ของคุณเกี่ยวกับอะไร

 

ตัวอย่างการออกแบบโลโก้

 

- Nike สัญลักษณ์ที่คล้ายเครื่องหมายถูกเรียกว่า ‘Swoosh’ หมายถึงเสียงที่เกิดจากเวลาวิ่งด้วยความเร็วสูง

- Amazon สัญลักษณ์ที่เหมือนรอยยิ้ม คือลูกศรชี้จากตัว a ไป z หมายถึงสินค้าในเว็บที่มีทุกหมวด

- Toblerone รูปสามเหลี่ยมยอดภูเขา Matterhorn ในสวิตเซอร์แลนด์ ซ่อนไว้ด้วยรูป หมี สัญลักษณ์ของเมือง Berne เมืองหลวงของประเทศ จุดกำเนิดของเจ้าช็อกโกแลตนี้ ซึ่งตัวอักษร B E R N E ยังถูกซ่อนไว้ในชื่อแบรนด์ด้วยค่ะ

 

 

นอกจากออกแบบโลโก้แล้ว ยังควรสร้างข้อกำหนดการใช้งานโลโก้ เพื่อให้ชิ้นงานที่จะนำไปใช้ในการโปรโมทแบรนด์เป็นไปในทิศทางเดียวกันด้วยค่ะ

 

ตัวอย่างข้อกำหนดการใช้งานโลโก้

 

- Netflix

 

ขอบคุณข้อมูลจาก https://brand.netflix.com/en/

 

02 สี

 

สมองคนเราจดจำภาพได้ง่ายกว่าตัวอักษร สีจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ที่ต้องกำหนดก่อนว่าแบรนด์ของเราจะใช้สีอะไรเป็นหลักในการสื่อสารกับลูกค้า สีแต่ละสีสะท้อนตัวตนของแบรนด์ที่แตกต่างกัน อยากให้ลูกค้าจดจำภาพแบรนด์ของคุณอย่างไร ควรเลือกสีที่สื่อสารความรู้สึกนั้น อย่างสีโทนร้อนให้ความรู้สึกกระฉับกระเฉง มีพลัง ความสร้างสรรค์ ส่วนสีโทนเย็นให้ความรู้สึกมั่นคง ปลอดภัย ความทันสมัย เทคโนโลยี เมื่อกำหนดสีได้แล้ว การออกแบบอาร์ตเวิร์คอื่นๆ ทั้งหมดก็ควรยึดสีที่เลือกเป็นหลัก เพื่อให้ลูกค้าเห็นแล้วจำได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นธนาคาร เราเห็นสีเขียวก็จะรู้ได้ทันทีว่าคือธนาคารกสิกร สีม่วงคือธนาคารไทยพาณิชย์ พูดถึงเครื่องดื่มสีแดงคือ Coca-Cola สีน้ำเงินคือ Pepsi แบรนด์เหล่านี้เวลาทำอาร์ตเวิร์คโปรโมทต่างๆ ตั้งแต่โปสเตอร์ บิลบอร์ด ไปจนถึงโฆษณาโทรทัศน์ ก็จะยึดสีของแบรนด์เสมอ จนเป็นที่จดจำของลูกค้านั่นเองค่ะ

 

ตัวอย่างการกำหนดสี

 

- McDonald’s

 

ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.mcdonalds.cz/assets/downloads/mcdelivery_brandbook.pdf

 

03 ฟอนต์

 

ฟอนต์ คือ อีกสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ หากเราเปลี่ยนฟอนต์บ่อยก็จะกระทบกับการจดจำแบรนด์เช่นกันค่ะ การเลือกใช้ฟอนต์มีทั้งแบบที่ต้องเสียเงินซื้อ และฟอนต์ที่นำมาใช้ได้ฟรี รวมถึงใช้ในการโฆษณาได้เลย จะใช้ฟอนต์อะไรอย่าลืมเช็คเรื่องลิขสิทธิ์ให้ถูกต้องกันก่อนนะคะ

 

ตัวอย่างการกำหนดฟอนต์

 

- Starbucks

 

ขอบคุณข้อมูลจาก https://creative.starbucks.com

 

04 ภาพ / ลายกราฟฟิค / ไอคอน

 

บางครั้งแค่สีหรือฟอนต์ไม่เพียงพอต่อการจดจำแบรนด์ การกำหนดแนวทางการใช้ ภาพ ลายกราฟฟิค ไอคอน เป็นส่วนช่วยสร้างความโดดเด่นให้ลูกค้าจำแบรนด์ของคุณได้เร็วยิ่งขึ้นค่ะ

 

ตัวอย่างการกำหนดภาพ / ลายกราฟฟิค / ไอคอน

 

- DHL

 

ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.dpdhl-brands.com/dhl/en.html

 

ทำไม CI จึงสำคัญ?

 

ในโลก Social Media ทุกวันนี้มีแบรนด์ใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย การจะทำโฆษณาเพื่อดึงดูดความสนใจจากลูกค้าเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ การสร้างความคุ้นชิน การจดจำที่ดี ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าจากแบรนด์ของคุณได้ง่ายขึ้น ลองคิดดูว่าหากแบรนด์ของคุณไม่มีการกำหนด CI โฆษณาที่ปล่อยออกไปก็ยากที่ลูกค้าจะรู้สึกคุ้นชิน

 

ดังนั้น แม้จะเป็นแบรนด์เล็กๆ ที่ขายเฉพาะทางออนไลน์ ก็ควรกำหนด CI ของแบรนด์ให้ดีก่อนที่จะเริ่มต้นโปรโมทแบรนด์ของคุณ เพื่อให้การโปรโมทที่ทำไปไม่สูญเปล่าค่ะ

 

เคล็ดลับสำคัญอีกอย่างสำหรับใครที่คิดจะนำเข้าสินค้าจากจีนมาทำตลาดออนไลน์ นั่นก็คือผู้ช่วยมือขวาคนสำคัญ ที่จะช่วยให้การสั่งซื้อและนำเข้าสินค้าของคุณเป็นเรื่องง่าย

 

‘SHIPIFY’ เรามีบริการช่วยสั่งซื้อและนำเข้าสินค้าจากจีนอย่างมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็น 1688, Tmall, Taobao ก็สามารถสั่งและเช็คสถานะการขนส่งได้ตลอด 24 ชม. และมีบริการรอรวมสินค้าที่จีนก่อนนำเข้าเพื่อประหยัดต้นทุน รวมถึงทีมงานมืออาชีพที่คอยช่วยคุณหาสินค้า ช่วยตรวจสอบความน่าเชื่อถือของโรงงานต่างๆ และช่วยติดตามสินค้าจากโรงงาน เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าของคุณจะมาถึงอย่างปลอดภัย ทันขาย และประหยัดต้นทุน

 

"มองหาพาร์ทเนอร์สั่งซื้อและนำเข้าสินค้าจากจีน ที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้เร็ว อย่าลืมคิดถึง SHIPIFY ยินดีให้บริการค่า

 

> เข้าสู่ระบบ / เปิดบัญชี ผู้นำเข้า

 

สอบถามเพิ่มเติม LINE: @shipify

หรือโทร 020-266426