ก่อนจะเริ่มต้นนำเข้าสินค้าจากจีน สิ่งสำคัญอันดับแรกคือ การวิเคราะห์เทรนด์สินค้าในจีน เพื่อให้คุณเลือกสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคไทย ขายได้ไว และลดความเสี่ยงจากสินค้าตกกระแส โดยเฉพาะในยุคที่การแข่งขันออนไลน์ดุเดือดและต้นทุนแปรผันสูง
จีนเป็นประเทศที่สามารถทดลองสินค้าใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เทรนด์ที่เริ่มจากจีนมักส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคในไทยและทั่วโลก เช่น แกดเจ็ต, อุปกรณ์เก็บของ, ของแต่งบ้าน, แฟชันแนวมินิมอล ฯลฯ
หากคุณเลือกสินค้าตามความรู้สึกส่วนตัวหรือกระแสเก่า อาจเจอปัญหาสต็อกค้างหรือยอดขายต่ำ การวิเคราะห์จากข้อมูลจริงจะช่วยให้คุณเข้าใจว่า “ตลาดต้องการอะไรตอนนี้”
ใช้เว็บอย่าง 1688, Taobao, JD.com เพื่อตรวจสอบว่า
สินค้าใดกำลังติดอันดับยอดนิยม
รีวิวของผู้ซื้อในจีนพูดถึงอะไรบ้าง
ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นหรือลดลงช่วงเวลาใด
เช็คดูว่าเทรนด์จากจีนสามารถ “แปล” ให้เข้ากับผู้บริโภคไทยได้หรือไม่ เช่น
สินค้าแนวสุขภาพ
เครื่องใช้ในบ้านที่ช่วยประหยัดพื้นที่
แฟชันราคาประหยัดแต่มีดีไซน์
ตรวจสอบสินค้ายอดนิยมจากเว็บจีน (1688, Taobao)
อ่านบทวิเคราะห์จาก Shipify
สังเกตสินค้าที่ได้รับรีวิวสูงและมีอัตราการเติบโตเร็ว
พิจารณาความเหมาะสมของสินค้ากับตลาดไทย
ทดลองสั่งสินค้าล็อตเล็กเพื่อดูผลตอบรับ
คำนวณต้นทุน + ภาษี + ค่าขนส่ง เพื่อดูความคุ้มค่า
วางแผนขนส่งที่เหมาะสม (ทางรถหรือทางเรือ)
เหมาะกับสินค้าขนาดเล็ก–กลาง และต้องการความรวดเร็ว
ใช้เวลาประมาณ 5–7 วัน
เหมาะสำหรับการทดสอบตลาดก่อนสั่งล็อตใหญ่
เส้นทางหลัก: จีนตอนใต้ → ผ่านลาว → เข้าสู่ไทย
ใช้เวลานานกว่า (10–20 วันโดยเฉลี่ย)
ค่าขนส่งต่อหน่วยต่ำ เหมาะสำหรับสินค้าปริมาณมาก
มีความปลอดภัยและความเสถียรสูง
เหมาะสำหรับสินค้าที่ไม่เร่งด่วนหรือเป็นสินค้าสต็อกระยะยาว
อุปกรณ์ออกกำลังกายแบบพกพา
ของเล่นเด็กเน้นพัฒนาการ
เครื่องครัวอัจฉริยะ
กล่องเก็บของอเนกประสงค์
เสื้อผ้าลำลองแฟชันแนวเกาหลี
อ้างอิงจากบทความ: เทรนด์สินค้ามาแรงจากจีนในปี 2025
การวิเคราะห์เทรนด์สินค้าในจีนคือเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจนำเข้าอย่างจริงจัง โดยควรใช้ทั้งข้อมูลจากแพลตฟอร์มจีนและบทวิเคราะห์เชิงลึก เปรียบเทียบกับตลาดไทย และเลือกวิธีขนส่งที่เหมาะสมระหว่าง “ทางรถ” หรือ “ทางเรือ” เพื่อบริหารต้นทุนและเวลาจัดส่งให้คุ้มค่าที่สุด