ทริคสั่งของจากจีน

ขายสินค้านำเข้าจากจีนในไทย ต้องขอ อย. หรือไม่? ไขทุกข้อสงสัยสำหรับพ่อค้าแม่ค้า

ขายสินค้านำเข้าจากจีนในไทย ต้องขอ อย. หรือไม่? เป็นคำถามฮิตของร้านค้าออนไลน์ที่รับสินค้าจากจีนแล้วนำมาขายประเทศไทย ไม่ว่าจะขายผ่าน Shopee, Lazada, Facebook หรือแม้แต่ LINE OA — บทความนี้จะตอบให้หมดว่าคุณต้องขอ อย. หรือไม่? แล้วขั้นตอนที่ต้องรู้คืออะไร? พร้อมแนะแนวทางตามประสบการณ์จริงจากผู้ใช้ Shipify และข้อมูลจากแหล่งทางราชการครับ


ขายสินค้านำเข้าจากจีนในไทย ต้องขอ อย. หรือไม่?

ทำไมต้องสนใจ อย. เมื่อขายสินค้านำเข้าจากจีน

การจำหน่ายสินค้าในประเทศไทยบางประเภทตามกฎหมาย ยกเว้น สินค้าทั่วไป (ไม่ใช่อาหาร เครื่องสำอาง ยา หรือผลิตภัณฑ์กันแมลง) อาจไม่ต้องขอ อย. แต่:

  • ถ้าเป็น อาหารเสริม, เครื่องสำอาง, อาหาร, หรือ ของใช้เด็ก — ต้องได้รับเลข อย. จาก อย.ไทยก่อนนำออกขาย

  • มิฉะนั้น หากขาย สินค้าทั่วไป เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, เสื้อผ้า, เครื่องใช้ในบ้าน — ไม่จำเป็นต้องขอ และไว้นำเข้าพร้อมเอกสารการนำเข้า (Custom declaration)

 


ประเภทสินค้าที่ต้องขอ อย. เมื่อขายในไทย

อาหาร เครื่องดื่ม และอาหารเสริม

  • ต้องขอ เลข อย. (ผลิตภัณฑ์อาหาร) จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

  • เอกสารที่ต้องใช้ เช่น ใบรับรอง Free Sale, รายการส่วนผสม, ใบวิเคราะห์คุณภาพ

  • ขั้นตอน:

    1. จดทะเบียนผลิตภัณฑ์

    2. ยื่นขอผ่านระบบออนไลน์ อย.

    3. รอผลอนุมัติ + อาจถูกสุ่มตรวจของนำเข้า

เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ

  • ต้องขอ อย. ทุกชิ้น ไม่ว่าจะนำเข้าแพ็กสำเร็จหรือแยกชิ้น

  • โลกสำคัญที่ต้องใช้เอกสารจากโรงงานจีน เช่น รายการส่วนผสม, วิธีผลิต, ใบรับรองความปลอดภัย เป็นต้น

  • หากไม่ขอ อย. จะถูกระงับการขาย และเสียค่าปรับได้


ขั้นตอนการขอ อย. สำหรับสินค้านำเข้าจากจีน

  1. แยกประเภทสินค้า — ตรวจสอบว่าจัดเป็นกลุ่มที่ต้องขอ อย. หรือไม่?

  2. รวบรวมเอกสาร — ใบรับรองจากผู้ผลิตจีน (Free Sale Certificate, COA)

  3. เตรียมขวด/กล่องบรรจุภัณฑ์ — สี, ฟอนต์, ฉลาก ต้องเป็นไปตามระเบียบ อย.

  4. ยื่นขอ อย. ออนไลน์ — ผ่านระบบ e-FDA

  5. รออนุมัติ และรับเลข อย. — เฉลี่ย 30–60 วันทำการ

เคล็ดลับ: ใช้บริการตัวแทนนำเข้า เช่น Shipify ที่มีบริการ ออกใบกำกับภาษี (e-tax) และช่วยคุณจัดการขั้นตอนนำเข้า เพิ่มความสะดวก shipify.co.th


 ข้อดีของการมีเลข อย.

  • ถูกต้องตามกฎหมาย ลดความเสี่ยงถูกจับ

  • สร้างความเชื่อมั่นลูกค้า โลโก้ อย. ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ

  • ขยายตลาดได้ง่าย ไม่ติดขัดเรื่องเข้าร้านค้าออนไลน์หรือส่งออกต่อ

  • ลดโอกาสถูกยึดสินค้าที่ด่าน ทางด่านศุลกากรจะไม่กักสินค้าที่มีการขออนุญาตครบถ้วน


กรณีไม่ขอ อย. จะทำได้ไหม?

ถ้าขายสินค้าทั่วไป เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่ง ไม่ต้องขอ อย. แต่ต้องเตรียม:

  • เอกสารการนำเข้า

  • ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-tax)

  • ตรวจสอบคุณภาพสินค้า เช่น Third‑party Inspection เพื่อสร้างความเชื่อมั่น shipify.co.th


ต่อยอดธุรกิจนำเข้า: Shipify ช่วยจัดการอย่างไร?

บริการครบวงจรจากจีนถึงไทย

  • เชื่อมต่อกับ Taobao, 1688, Tmall

  • มีระบบคัดลิงก์ สั่งจ่าย ส่งแบบ door‑to‑door

  • ออก เอกสารภาษีนำเข้า/ใบกำกับภาษี e-tax ได้ 

บริการตรวจรับสินค้าก่อนจัดส่ง

  • Third‑party Inspection ตรวจสอบคุณภาพสินค้าก่อนส่งออก

  • ลดความเสี่ยงส่งคืน เพิ่มรีวิว + ความน่าเชื่อถือ

  • ตรวจสินค้าได้ทั้งช่วงการผลิตก่อนส่ง หรือสุ่มตรวจก่อนจัดส่ง 


ตัวอย่างลิสต์ครบ — เอกสาร & ขั้นตอนนำเข้า

  1. แยกประเภทสินค้า: ทั่วไป / ต้องขอ อย.

  2. เตรียมเอกสารจากโรงงานจีน (Free Sale, COA)

  3. เตรียมฉลาก และแพ็กเกจให้ตรงตามข้อกำหนด อย.

  4. ใช้บริการ Shipify สั่งนำเข้า + ออกใบกำกับ e-tax

  5. ตรวจคุณภาพสินค้าด้วย Third‑party Inspection

  6. ยื่น อย. (สำหรับสินค้าในกลุ่มยา/อาหาร/เครื่องสำอาง)

  7. รับเลข อย. และยืนยันสินค้าถูกต้องก่อนเปิดจำหน่าย

สรุปสั้นๆ

  • หากขายสินค้าทั่วไป — ไม่จำเป็นต้องขอ อย.

  • หากขายอาหาร, เครื่องดื่ม, เครื่องสำอาง, หรือสินค้าเด็ก — ต้องขอเลข อย.

  • เอกสารจากจีน + ฉลากที่ถูกต้อง + e‑tax + ตรวจคุณภาพ = ขายได้อย่างมั่นใจในไทย

 

เคล็ดลับการเลือกโกดังจีนที่ดี

6 ความท้าทายแห่งยุคดิจิทัล

บทความและข่าวสารที่น่าสนใจ